มารู้หลักการจูน
SR20DET 3 แบบ, ปรับบูตส์เพิ่ม, เทอร์โบแบบถอดเปลี่ยน (ponzuke), และเปลี่ยนเทอร์โบลูกยักษ์
โดย nagata ซังจาก TOP SECRET จะเป็นผู้มาแนะนำในรายละเอียดนี้
คราวนี้สำหรับคนที่เป็นเจ้าของ S14 และมีความสนใจที่จะโมฯ
ใน 3 แบบที่ว่าไปนี้ ลองมาดูเมนูของทาง TOP SECRET กันก่อน
ก่อนอื่นเลยสำหรับ S14 ถ้าจะโมฯ แบบน้อยที่สุดก็ต้องมีการปรับบูตส์เพิ่มกันก่อน
ซึ่งก็มีวิธีมากมายหลายอย่างให้เลือก แต่แรกเลยต้องมารู้จักกับชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่จำเป็นกันก่อน...
อุปกรณ์ที่สำคัญที่ว่านี้ก็จะมี กล่อง ECU, บูตส์คอนโทรเลอร์,
หัวเทียนค่าความร้อนสูง(เบอร์สูง), กรองอากาศแบบเปลือย, และท่อไอเสีย ซึ่งพวกที่กล่าวมานี้เป็นของสำคัญที่ต้องมีในสเต็ปแรกนี้
และถ้าทำการบูตส์ไปสัก 1.0 บาร์ จาก 215 แรงม้า ของเดิมๆ ก็จะขึ้นมาอีก 45
แรงม้าเป็น 260 แรงม้าเลยทีเดียว และถ้าจะให้ดีก็เพิ่มอินเตอร์คูลเลอร์แบบแขวนข้างหน้าเข้าไปอีกอัน
ก็จะทำให้ได้ความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ทว่าในสเต็ปนี้พูดได้ว่าเป็นแค่การปรับบูตส์เพิ่มแบบง่ายๆ
เท่านั้น ที่ไม่สามารถจะทำให้แรงมากกว่าเก่าไปมากสักเท่าไหร่นัก แต่ว่าถ้าจะปรับบูตส์เพิ่มแบบให้ได้ผลมากที่สุด
ก็จำเป็นต้องหาปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงของ GT-R, แอร์โฟลเมเตอร์ของ Z32(300ZX),
หัวฉีด 550 cc., มาเปลี่ยนเข้าไป แล้วก็ทำการบูตส์เข้าไปสัก 1.12 บาร์ ซึ่งจะสามารถสร้างแรงม้าให้ไปอยู่แถวๆ
290 แรงม้าได้เลย
ถึงตรงนี้ คงจะมีคนคิดบ้างแล้วว่า "ปรับบูตส์เข้าไปสูงๆ
ก็หมดเรื่องทำไมต้องเป็น 1.0, 1.1 บาร์ ด้วย" ซึ่งถ้าจะทำอย่างนั้นมันก็ทำได้
แต่จริงๆ แล้วนั้นประเก็นฝาสูบเดิมๆ ของเครื่อง SR20DET นี้สามารถทนกับบูตส์ได้แค่ประมาณ
1.1 บาร์ ซึ่งก็พูดได้ว่าสูงสุดเต็มที่แล้ว ซึ่งถ้าบูตส์เกินไปกว่านี้อาจจะมีปัญหาประเก็นกระจายก็เป็นได้
ดังนั้นถ้าคิดจะโมแบบ LOW COST & HIGH POWER ก็ต้องเก็บบูตส์ไว้ที่ประมาณ
1.1 บาร์ก็พอ ผลที่ได้ทั้งปลอดภัยและได้แรงได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
ต่อไปก็เป็น ponzuke เทอร์โบ ซึ่งกำลังมาแรงในขณะนี้
(โดยทั่วไปจะไม่เปลี่ยนเฮดเดอร์และfont pipe แต่จะเปลี่ยนแค่ตัวเทอร์โบอย่างเดียว)
ซึ่งแรงแค่ไหนยังไงก็ลองมาดูกัน...
โดยคราวนี้ได้ใช้ T517Z ของ TRUST มาเป็นผู้ช่วยเพิ่มแรง(SILVIA
สีขาวรูปข้างบนใช้สูตรนี้อยู่)
ในกรณีนี้ ต่อจากปรับบูตส์เพิ่มแบบเต็มสูตรพร้อมกับเพิ่มอุปกรณ์เสริมอื่นๆ
เข้าไป แล้วก็อินเตอร์คูลเลอร์แขวนหน้า (ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นก็ได้หรือจำเป็นก็ได้)
ซึ่งการเปลี่ยนเป็นเทอร์โบแบบถอดเปลี่ยนนี้ เรียกได้ว่าเป็นสเตปที่ต่อมากจากปรับบูตส์เพิ่มนั่นเอง
ซึ่งอุปกรณ์เสริมอย่างพวก ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง, หัวฉีด ต่างๆ เหล่านี้เราสามารถเปลี่ยนเตรียมไว้ก่อนตั้งแต่ขั้นปรับบูตส์ ซึ่งไม่ได้เสียหายอะไรทั้งนั้นและเป็นการเตรียมสู่สเต็ปต่อไปด้วย
ส่วนในสเต็ปนี้ปรับบูตส์เท่ากันที่ 1.1 บาร์ ความแรงที่เล็งไว้จะเป็นประมาณ
330 - 345 แรงม้า....
แต่ตรงจุดนี้เราพูดกันถึงความทนทานของเครื่องด้วย
ซึ่งจริงๆ แล้วเทอร์โบลูกนี้มีกำลังเผื่อให้จนถึง 360 แรงม้า แต่ทว่าอย่างที่พูดไปเมื่อตะกี้เกี่ยวกับปัญหาของประเก็นฝาสูบนั่นแหละ
แต่ว่าถ้าใครคิดจะเปลี่ยนประเก็นฝาสูบแล้วละก็ ถือโอกาสนั้นเปลี่ยนแคม แล้วยังหาเรื่องเปลี่ยนเทอร์โบลูกยักษ์เข้าไปอีกก็ยังได้
แล้วก็เรื่องของเทอร์โบลูกยักษ์
คราวนี้ในรูปจะเห็นว่ามีเทอร์โบยักษ์อยู่หนึ่งลูกซึ่งเป็น T88-34D ที่มันใหญ่เกินไปสักนิด
เลยมายกตัวอย่างกันที่เทอร์โบไซท์กำลังดี TD06-25G กันด้วยเมนูของ TOP SECRET
ก่อนอื่นต้องมารู้จักกับความสามารถของ TD06 กันก่อน
โดยถ้าจะให้มันแสดงความสามารถออกมาเต็มที่กันจริงๆ ก็ต้องทำการเปลี่ยนประเก็นฝาสูบ,
กับแคมกันก่อนเลย ซึ่งแคมที่ใช้อยู่ใน S14 เดิมๆ นี้จะมีองศาน้อยหน่อย 240
องศา ซึ่งถ้าจะให้เข้าคู่กับ TD06 ก็ต้องเป็นอย่างต่ำสัก 260 องศา ซึ่งถ้าไม่ทำอย่างนั้น
ก็จะไม่สามารถทำให้ไอดีเข้าไปในเครื่องได้เต็มที่...
ที่สำคัญเพื่อตองสนองกำลังที่เพิ่มมามากขึ้น ก็น่าที่จะเปลี่ยนเป็นลูกสูบฟรอส
แต่สำหรับพวกข้อเหวี่ยงกับก้านสูบนั้น เดิมทีของที่ติดมากับเครื่องก็มีความทนพอตัวอยู่แล้ว
ซึ่งแค่เพียงเทอร์โบ TD06 แล้วคงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพเครื่องยนต์ด้วยว่าต้องมีการเปลี่ยนหรือไม่
สำหรับสูตรข้างบนนี้ก็เรียกได้ว่าสามารถที่จะเรียกกำลังจาก
TD06 มาใช้ได้อย่างเต็มที่แล้วก็จริง แต่ว่าไหนๆ จะทำให้แรงแล้วก็เอาให้ถึงที่สุดไปเลย
โดยอาจจะมีการเพิ่มเติมในเรื่องของขนาดลิ้นปีกผีเสื้อให้ใหญ่ขึ้น, เปลี่ยนขนาดของคอไอดีให้ใหญ่ขึ้น,
และหัวฉีดสักประมาณ 800 cc. ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการบูตส์ไปที่ 1.5 บาร์ และจะสามารถเพิ่มกำลังให้ออกมาอยู่แถว
450-500 แรงม้าเลยทีเดียว
เป็นไงกันบ้าง กับการอธิบายแบบเป็นขั้นๆ นี้
มันไม่ใช่ความฝันเลยสำหรับเทอร์โบลูกยักษ์ในอนาคต ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปหาเทอร์โบยักษ์มาใช้กันตั้งแต่ต้น
แต่เรามาเริ่มกันจากการปรับบูตส์เพิ่มกันก่อน แล้วค่อยๆ เก็บหอมไปเรื่อยๆ
ใส่ชิ้นส่วนที่จำเป็นเข้าไปเพื่อเพิ่มหรือเตรียมสำหรับสเต็ปต่อไป แต่ที่สำคัญถามตัวเองก่อนว่าอยากจะทำให้รถตัวเองเป็นยังไง
แรงแค่ไหน ซึ่งถ้าไม่รู้คำตอบนี้แล้วก็อย่าไปทำมันเลยรถ
ปรับบูตส์เพิ่ม
แบบ
|
กำลัง
|
บูตส์
|
อุปกรณ์ที่จำเป็น
|
ปรับบูตส์ขั้นต้น |
260 ps
|
ประมาณ 1.0 บาร์
|
กล่องโมฯ, บูตส์คอนโทรเลอร์, หัวเทียนค่าความร้อนสูง, กรองอากาศแบบเปลือย,
ท่อไอเสียโมฯ |
ปรับบูตส์ขั้นกลาง |
260 ps
|
ประมาณ 1.0 บาร์
|
(รวมกับข้างบน) อินเตอร์คูลเลอร์แขวนหน้า |
ปรับบูตส์ขั้นสูง |
290 ps
|
ประมาณ 1.10 บาร์
|
(รวมกับข้างบน) แอร์โฟลเมเตอร์ของ Z32, หัวฉีด 550 ซีซี,
ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง GT-R |
ท่อไอเสียซึ่งมีออกมามากมายหลายยี้ห้อ
ก็ให้เลือกกันตามใจชอบ แต่ที่สำคัญท่อกลางต้องมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 80mm.
ซึ่งจะใช้เป็นมาตรฐานในการเลือก |
อุปกรณ์สำคัญสำหรับปรับบูตส์เพิ่ม...
โดยดูจากรูปบนขวาตามเข็มนาฬิกา อันแรกเป็นกล่องโมฯ, แอร์โฟลเมเตอร์ของ Z32,
หัวเทียนค่าความร้อนสูง, หัวฉีด 550 cc., ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงของ GT-R, บูตส์คอนโทรเลอร์(ที่เห็นในรูปเป็นของ
TRUST Profec) |
|
ponzuke เทอร์โบ
แบบ
|
กำลัง
|
บูตส์
|
อุปกรณ์ที่จำเป็น
|
T517Z |
ประมาณ 345 แรงม้า
|
ประมาณ 1.10 บาร์
|
ต่อจากปรับบูตส์เพิ่มขั้นสูง..(แต่ Font pipe ของเดิมก็ใช้ได้) |
สำหรับการทดสอบเปลี่ยนเทอร์โบแบบถอดเปลี่ยนคราวนี้ได้ใช้
Section Pipe (ท่อต่างๆ รอบเทอร์โบ) ของ A'PEX ซึ่งได้เพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางให้ใหญ่ขึ้น
แล้วยังนำแอร์โฟลมิเตอร์ของ Z32 มาใช้อีกด้วย |
หาได้ง่ายดายกับ
ponzuke ในรูปเป็น TRUST T517Z ที่มีกำลังให้ถึง 400 แรงม้า |
|
เทอร์โบลูกยักษ์
แบบ
|
กำลัง
|
บูตส์
|
อุปกรณ์ที่จำเป็น
|
TD06-25G ใช้เต็มกำลัง |
ประมาณ 450-500 แรงม้า |
ประมาณ 1.5-1.6 บาร์ |
(ต่อจาก ponzuke) เปลี่ยนประเก็นฝาสูบอย่างดี , แคมองศาสูง,
ลูกสูบฟรอส, ลิ้นปีกผีเสื้อขนาดใหญ่, คอไอดีความจุเพิ่มขึ้น, หัวฉีด 800 cc. |
อันนี้เป็นลิ้นปีกผีเสื้อที่อยู่ใน
S14 คันสีทอง เป็นของ Infinity Q45 แต่ในกรณีถ้าใช้เทอร์โบ TD06 ก็สามารถใช้ลิ้นปีกผีเสื้อ
60 mm. ของ SR20DE ได้ซึ่งถือว่าง่ายที่สุด |
ในรูปเป็นอินเตอร์คูลเลอร์ของ
TRUST กับคอไอดีทำพิเศษจาก TOP SECRET (180,000 yen) |
|
ควบคุมน้ำมันให้กับ S14
ได้ยินกันบ่อยๆ สำหรับการควบคุมน้ำมันเครื่องของรถแต่ง
แต่ว่ามันต้องทำยังไง ควบคุมยังไงบ้างนั่นก็ลองฟังจาก nagata ซังดู..
ถ้าเป็นแบบวิ่งความเร็วสูงเหมือนแถวๆ ทางด่วน wangan
ก็น่าจะเปลี่ยนที่ วิ่ง 4 ครั้งเปลี่ยน 1 ครั้ง (เดือน 1 ครั้ง) แต่ถ้าเป็นแบบเซอร์กิต
ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลอื่นๆ ด้วย อย่างเช่น พวกรถปรับบูตส์เพิ่ม (ในสนามทดสอบ)
พอวิ่งถึง 240 กม./ชม. ความร้อนของน้ำมันเครื่องก็จะเริ่มขึ้นไปถึง 110 องศาเซลเซียส
แล้วถ้าวิ่งด้วยความเร็วนี้ไปเรื่อยๆ สัก 2-3 กม. อุณหภูมิก็จะขึ้นไปอีกถึง
130 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวทีเดียว ดังนั้นวิธีป้องกันที่ง่ายที่สุดก็คือหาน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพสูงๆ
มาใช้กัน ไม่ต้องกลัวเปลืองเพราะถ้าเครื่องพังแล้วมันมากกว่านั้นเยอะเลยล่ะ
ไม่ใช่แค่
S14 อย่างเดียวเท่านั่นที่ต้องควบคุมน้ำมัน สำหรับรถแต่งทั่วไปก็ควรที่จะทำเช่นกัน
อย่างน้อยก็ควรจะมี Oil Temp Meter ติดรถไว้ |
|